Contact info
แนะนำยาแก้ปวดฟัน หาซื้อเองได้

การปวดฟันเป็นอาการที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบายใจและต้องการบรรเทาอาการโดยเร็ว โชคดีที่ปัจจุบันมีวิธีแก้ปวดฟันที่สามารถหาซื้อเองได้ง่ายๆ ตามร้านขายยาทั่วไป ยาเหล่านี้สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณกลับมารู้สึกสบายและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ บทความนี้จะแนะนำยาแก้ปวดฟันที่ได้รับความนิยมและวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ยาแก้ปวดฟันได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด
ยาแก้ปวดฟัน คืออะไร
ยาแก้ปวดฟัน คือ ยาที่ใช้ในการบรรเทาอาการปวดฟันที่เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาเกี่ยวกับรากฟัน ยาเหล่านี้มีหลายประเภท ซึ่งสามารถหาซื้อได้ทั้งแบบที่ต้องมีใบสั่งแพทย์และแบบที่สามารถหาซื้อเองได้ตามร้านขายยาทั่วไป ยาแก้ปวดฟันที่พบได้บ่อยมีดังนี้ ยาแก้ปวดชนิดพาราเซตามอล ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดเบื้องต้นและลดไข้ได้ ยาแก้ปวดชนิดไอบูโพรเฟน ซึ่งช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง ยาแก้ปวดชนิดนาพรอกเซน ที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง และยาชาเฉพาะที่ เช่น เบนโซเคน ซึ่งใช้ทาบริเวณที่มีอาการปวดเพื่อบรรเทาอาการชั่วคราว การเลือกใช้ยาแก้ปวดฟันควรพิจารณาตามความรุนแรงของอาการและปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนใช้ยา เพื่อให้แน่ใจว่าใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
ประเภทของยาบรรแก้ปวดฟัน
เมื่อเกิดอาการปวดฟัน การบรรเทาอาการเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้น โชคดีที่ปัจจุบันมียาแก้ปวดฟันหลายชนิดที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป นี่คือยาแก้ปวดฟันที่หาซื้อได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ

1.พาราเซตามอล (Paracetamol)
เป็นยาที่นิยมใช้ในการบรรเทาอาการปวดและลดไข้ โดยเฉพาะในกรณีที่อาการปวดไม่รุนแรงมาก เนื่องจากพาราเซตามอลมีความปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน การใช้พาราเซตามอลในการบรรเทาอาการปวดฟันจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหลายๆ คน
การใช้พาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน
1. ขนาดและการใช้ยา: สำหรับผู้ใหญ่ ขนาดที่แนะนำในการบรรเทาอาการปวดฟันคือ 500-1000 มิลลิกรัม ทุกๆ 4-6 ชั่วโมงตามความจำเป็น โดยไม่ควรใช้เกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากต้องการใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์
2. การรับประทาน: สามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้พร้อมหรือหลังอาหาร หรือทานพร้อมน้ำเปล่ามากๆ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
3. ผลข้างเคียง: อาจมีผลข้างเคียงเช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการแพ้อื่นๆ หากมีอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงรุนแรง ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที
4. ข้อควรระวัง: ผู้ที่มีประวัติโรคตับหรือโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกับแอลกอฮอล์
ข้อดีของพาราเซตามอล
• มีความปลอดภัยสูง: เมื่อใช้ตามคำแนะนำการใช้ยา
• ไม่มีผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับกระเพาะอาหาร: เช่น การระคายเคืองหรือแผลในกระเพาะอาหาร
• หาซื้อได้ง่าย: สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
พาราเซตามอลเป็นยาที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดฟันไม่รุนแรงหรือไม่สามารถใช้ยาต้านการอักเสบได้ หากอาการปวดยังคงอยู่หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

2.ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบรรเทาอาการปวดฟัน ไอบูโพรเฟนทำงานโดยการยับยั้งการสร้างสารเคมีในร่างกายที่เรียกว่า พรอสตาแกลนดิน (prostaglandins) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดการอักเสบและอาการปวด
การใช้ไอบูโพรเฟนเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน
1. ขนาดและการใช้ยา: สำหรับผู้ใหญ่ ขนาดที่แนะนำในการบรรเทาอาการปวดฟันคือ 200-400 มิลลิกรัม ทุกๆ 4-6 ชั่วโมงตามความจำเป็น โดยไม่ควรใช้เกิน 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน หากต้องการใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์
2. การรับประทาน: ควรรับประทานยาพร้อมอาหารหรือน้ำเปล่ามากๆ เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร และควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์
3. ผลข้างเคียง: อาจมีผลข้างเคียงเช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสีย หรืออาการแพ้อื่นๆ หากมีอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงรุนแรง ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที
4. ข้อควรระวัง: ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะอาหาร โรคไต โรคหัวใจ หรือผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
ข้อดีของไอบูโพรเฟน
• มีประสิทธิภาพสูง: ในการบรรเทาอาการปวดฟันปานกลางถึงรุนแรง
• ลดการอักเสบ: ช่วยลดอาการบวมและการอักเสบของเนื้อเยื่อในช่องปาก
• หาซื้อได้ง่าย: สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
ไอบูโพรเฟนเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการบรรเทาอาการปวดฟัน แต่ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ยาอย่างเคร่งครัด หากอาการปวดยังคงอยู่หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

3.นาพรอกเซน (Naproxen)
เป็นยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ ยานี้มักถูกใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดฟันที่มีความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการอักเสบร่วมด้วย
การใช้นาพรอกเซนเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน
1. ขนาดและการใช้ยา: สำหรับผู้ใหญ่ ขนาดที่แนะนำในการบรรเทาอาการปวดฟันคือ 250-500 มิลลิกรัม ทุกๆ 8-12 ชั่วโมงตามความจำเป็น โดยไม่ควรใช้เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากต้องการใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรปรึกษาแพทย์
2. การรับประทาน: ควรรับประทานยาพร้อมอาหารหรือน้ำเปล่ามากๆ เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร และควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์
3. ผลข้างเคียง: อาจมีผลข้างเคียงเช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ ท้องอืด ท้องเสีย หรืออาการแพ้อื่นๆ หากมีอาการแพ้หรือมีผลข้างเคียงรุนแรง ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที
4. ข้อควรระวัง: ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะอาหาร โรคไต โรคหัวใจ หรือผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
ข้อดีของนาพรอกเซน
• มีประสิทธิภาพสูง: ในการบรรเทาอาการปวดฟันที่มีความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรง
• ลดการอักเสบ: ช่วยลดอาการบวมและการอักเสบของเนื้อเยื่อในช่องปาก
• หาซื้อได้ง่าย: สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
นาพรอกเซน เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการบรรเทาอาการปวดฟันที่มีความรุนแรงและมีการอักเสบร่วมด้วย แต่ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ยาอย่างเคร่งครัด หากอาการปวดยังคงอยู่หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

4.เบนโซเคน (Benzocaine)
เป็นยาชาเฉพาะที่ที่ใช้ในการบรรเทาอาการปวดฟันเฉพาะบริเวณ ยานี้ทำงานโดยการระงับประสาทสัมผัสที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อเฉพาะที่ ซึ่งช่วยลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็วและชั่วคราว เบนโซเคนมักมีจำหน่ายในรูปแบบเจล ครีม หรือสเปรย์ที่สามารถใช้ทาบริเวณที่มีอาการปวดได้โดยตรง
การใช้เบนโซเคนเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน
1. รูปแบบของยา: เบนโซเคนมีจำหน่ายในรูปแบบเจล ครีม หรือสเปรย์ที่ใช้ทาบริเวณที่มีอาการปวดโดยตรง
2. การใช้ยา: ทำความสะอาดบริเวณที่มีอาการปวดก่อนทายา จากนั้นใช้เบนโซเคนทาเบาๆ ที่บริเวณที่มีอาการปวด ปริมาณและความถี่ในการใช้ควรตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์หรือปรึกษาเภสัชกร
3. ผลข้างเคียง: อาจมีผลข้างเคียงเช่น การระคายเคืองผิวหนัง อาการแพ้ หรืออาการชาที่ริมฝีปากและลิ้น หากมีอาการแพ้หรือผลข้างเคียงรุนแรง ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที
4. ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้เบนโซเคนในปริมาณมากหรือต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินกว่าที่แนะนำ เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้
ข้อดีของเบนโซเคน
• บรรเทาอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว: เนื่องจากเป็นยาชาเฉพาะที่
• ใช้งานง่าย: สามารถทาได้โดยตรงที่บริเวณที่มีอาการปวด
• หาซื้อได้ง่าย: มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
เบนโซเคนเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดฟันชั่วคราว ใช้งานง่ายและหาซื้อได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาอย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ยาอย่างเคร่งครัด หากอาการปวดยังคงอยู่หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
ยาแก้ปวดฟันที่หาซื้อได้ใน 7-11
เมื่อเกิดอาการปวดฟัน การหายาแก้ปวดฟันที่สามารถซื้อได้สะดวกจากร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-11 ก็เป็นทางเลือกที่ดี นี่คือตัวยาแก้ปวดฟันที่สามารถหาซื้อได้ในร้าน 7-11 ทั่วไป
“อย่างไรก็ตามหากต้องการเลือกซื้อยาใน 7-11 ควรศึกษาให้ดี และใช้เพือบรรเทาอาการเท่านั้น”
1. พาราเซตามอล (Paracetamol)
• ยี่ห้อ: ไทลินอล (Tylenol), ซาร่า (Sara), ซีมอล (Cemol)
• สรรพคุณ: บรรเทาอาการปวดเบื้องต้นและลดไข้ได้
2. ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
• ยี่ห้อ: บรูเฟน (Brufen), นูโรเฟน (Nurofen)
• สรรพคุณ: ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง
3. นาพรอกเซน (Naproxen)
• ยี่ห้อ: นาพรอกซิน (Naproxyn), อเลฟ (Aleve)
• สรรพคุณ: ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรง
4. เบนโซเคน (Benzocaine)
• ยี่ห้อ: ออราเจล (Orajel), อันบีซี (Anbesol)
• สรรพคุณ: ยาชาเฉพาะที่ บรรเทาอาการปวดฟันชั่วคราว
วิธีการเลือกใช้ยา
1. อ่านฉลากยา: อ่านคำแนะนำและคำเตือนบนฉลากยาอย่างละเอียด
2. ปริมาณที่เหมาะสม: ใช้ยาตามปริมาณที่แนะนำ ไม่ควรใช้เกินขนาด
3. สอบถามเภสัชกร: หากมีข้อสงสัยในการใช้ยา ควรปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา
ข้อควรระวัง
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาพร้อมกันหลายชนิดที่มีส่วนผสมเดียวกัน เช่น พาราเซตามอลกับไอบูโพรเฟน
• ผู้ที่มีประวัติโรคตับ โรคไต หรือโรคกระเพาะ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินปริมาณที่แนะนำเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง
การใช้ยาแก้ปวดฟันที่สามารถหาซื้อได้จากร้าน 7-11 เป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วในการบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้น หากอาการปวดยังคงอยู่หรือมีความรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
ข้อควรทราบเกี่ยวกับการกินยาแก้ปวดฟัน
การกินยาแก้ปวดฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้น แต่ควรเข้าใจว่าเป็นเพียงการบรรเทาอาการชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขสาเหตุของอาการปวดฟันได้อย่างแท้จริง อาการปวดฟันสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาที่เกี่ยวกับรากฟัน ซึ่งแต่ละสาเหตุต้องการการรักษาที่แตกต่างกันไป
1. บรรเทาอาการเท่านั้น: การกินยาแก้ปวดฟัน เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน หรือเบนโซเคน สามารถช่วยลดอาการปวดได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถรักษาต้นเหตุของปัญหาได้
2. การรักษาระยะยาว: หากอาการปวดฟันยังคงอยู่หรือเกิดขึ้นบ่อย ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การอุดฟัน การรักษารากฟัน หรือการรักษาเหงือกอักเสบ
3. ป้องกันการเกิดปัญหาเพิ่มเติม: การปล่อยให้อาการปวดฟันอยู่นานโดยไม่รักษา อาจทำให้ปัญหายิ่งแย่ลงและต้องการการรักษาที่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
4. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรในการใช้ยาเพื่อให้แน่ใจว่าใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
คำแนะนำเพิ่มเติม
• รักษาความสะอาดช่องปาก: การแปรงฟันอย่างถูกวิธีและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันปัญหาฟันและเหงือกได้
• การตรวจสุขภาพฟันประจำปี: ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและทำความสะอาดฟันอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
• หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง: อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงสามารถทำให้เกิดฟันผุได้
การกินยาแก้ปวดฟันเป็นวิธีที่ดีในการบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้น แต่ไม่สามารถรักษาต้นเหตุของปัญหาได้ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพฟันที่ดีในระยะยาว
การกินยาแก้ปวดฟัน เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน หรือเบนโซเคน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้น แต่เป็นเพียงการบรรเทาอาการชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขสาเหตุของอาการปวดฟันได้อย่างแท้จริง อาการปวดฟันสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือปัญหาเกี่ยวกับรากฟัน ซึ่งต้องการการรักษาที่แตกต่างกันไป หากอาการปวดฟันยังคงอยู่หรือเกิดขึ้นบ่อย ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เช่น การอุดฟัน การรักษารากฟัน หรือการรักษาเหงือกอักเสบ การปล่อยให้อาการปวดฟันอยู่นานโดยไม่รักษา อาจทำให้ปัญหายิ่งแย่ลงและต้องการการรักษาที่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น นอกจากนี้ ควรรักษาความสะอาดช่องปาก ตรวจสุขภาพฟันประจำปี และหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเพื่อป้องกันปัญหาฟันและเหงือกในอนาคต หากต้องการปรึกษาทันตแพทย์หรือกำลังมองหาDental Clinic สามารถเข้าปรึกษาหรือรักษาได้ที่ Digital Dental Center Pattaya